ประจำเดือนขาด
ประจำเดือน (Menstruation) คือ การมีเลือดออกมาทางช่องคลอดเป็นประจำทุกๆเดือน ครั้งละ 2-7 วัน ซึ่งเป็นอาการแสดงของการเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงอายุ 11-14 ปี เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆภายในร่างกายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจริญพันธุ์ หากเกิดภาวะใดภาวะหนึ่งทำให้ไม่มีเลือดประจำเดือนออกมาตามปกติ เรียกว่า ประจำเดือนขาด หรือ การขาดประจำเดือน
อย่างไรเรียกว่าประจำเดือนขาด
ผู้หญิงที่เคยมีประจำเดือนมาแล้ว อยู่ ๆ ประจำเดือนก็ไม่มาหรือขาดหายไปติดต่อกันเกิน 3 เดือน ด้วยสาเหตุต่าง ๆ จะเรียกว่า “ภาวะประจำเดือนขาด” (Secondary amenorrhea) ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยของผู้หญิงทั่วไป โดยปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกในระหว่างอายุ 11-14 ปี ถ้าเลยอายุ 15 ปีไปแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ถือว่าผิดปกติ ซึ่งในที่นี้จะเรียกว่า “ภาวะประจำเดือนไม่เคยมา” (Primary amenorrhea) และถ้าประจำเดือนไม่มาหรือประจำเดือนขาดหายไป แต่ยังไม่ถึง 3 รอบเดือนจะเรียกว่า “ประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด”
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนขาด
การที่ประจำเดือนขาด มีหลายสาเหตุ บางสาเหตุเป็นธรรมชาติ เช่นการตั้งครรภ์ หรือบางสาเหตุก็เกิดจากกระทำ เช่น การทานยาคุมกำเนิด การเจ็บป่วย Mama Expert จึงได้รวบรวมสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดภาวะประจำเดือนขาด ดังนี้
- การตั้งครรภ์ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
- ยาคุมกำเนิด บางชนิดทำให้ประจำเดือนไม่มา เมื่อหยุดยาคุมกำเนิดไป 3-6 เดือนประจำเดือนจะมาตามปกติ
- ยาบางชนิดอาจจะทำให้ประจำเดือนไม่มาได้แก่ corticosteroids, ยาแก้โรคซึมเศร้า antidepressants, antipsychotics, ยารักษาโรคไทรอยด์ และเคมีบำบัดบางชนิด
- ความเครียด สามารถทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ อาจขาดประจำเดือนไปได้คราวละหลายๆเดือน เนื่องจากความเครียดจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการหลั่งฮอร์โมน
- การออกกำลังกาย การออกกำลังมากเกินไปโดยทั่วไปมากกว่า20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายมากจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศลดลงทำให้เกิดการไม่มีประจำเดือน
- น้ำหนัก คนอ้วนก็มีความผิดปกติของประจำเดือนได้เนื่องจากเซลล์ไขมันจะสร้าง estrogen ทำให้รอบเดือนถูกรบกวน
- การที่รังไข่มีถุงน้ำ ถุงน้ำนี้มีการสร้างฮอร์โมนเพศชายออกมามาก ทำให้ผู้หญิงมีลักษณะของผู้ชาย เช่นมีหนวดเครา ขนดก มีสิว เสียงแหบ และไม่มีไข่ตก ผลคือไม่มีประจำเดือน
- โรคของไทรอยด์ หรือการเจ็บป่วยเรื้อรัง
- มีเนื้องอกในสมองที่สร้างฮอร์โมน Prolactin ทำให้ไม่มีประจำเดือน เป็นหมัน มีน้ำนมหลั่งโดยที่ไม่มีบุตร
การวินิจฉัยหาสาเหตุของประจำเดือนขาด
แพทย์สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุได้จาก อายุ ประวัติการมีประจำเดือน ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ ประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประวัติการใช้ยาโดยเฉพาะยาคุมกำเนิดและยาฮอร์โมนต่าง ๆ ประวัติอาการร่วมต่าง ๆ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน) ร่วมกับการตรวจร่างกายและการตรวจภายใน นอกจากนั้นอาจมีการตรวจอื่น ๆ ทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย ความผิดปกติที่ตรวจพบ และดุลยพินิจของแพทย์ (ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเหมือนกันทุกราย) เช่น
- การตรวจปัสสาวะ เป็นการตรวจเพื่อดูว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยเป็นการตรวจที่ง่ายและสะดวก สามารถตรวจได้ด้วยตนเองจากการหาซื้อเครื่องตรวจตามร้านขายยา สามารถตรวจได้ตั้งแต่ประจำเดือนเลยกำหนดไปได้เพียง 1 วัน
- การตรวจระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ในเลือด เพื่อดูว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริงหรือไม่หากตรวจปัสสาวะแล้วยังไม่แน่ใจ หรือเนื่องจากมีบางกรณีที่การตั้งครรภ์ยังอ่อนมาก จึงตรวจไม่พบฮอร์โมนในปัสสาวะ ก็อาจมีความจำเป็นต้องตรวจเลือด แต่ต้องใช้เวลาและเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีการตรวจปัสสาวะ
- การตรวจอัลตราซาวนด์ โดยเฉพาะการตรวจผ่านทางช่องคลอด ซึ่งจะช่วยทำให้เห็นพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกรานได้ชัดเจนขึ้นว่ามีก้อนเนื้องอกต่าง ๆ หรือเป็นถุงน้ำเล็ก ๆ รอบรังไข่ (PCOS) หรือรังไข่มีความผิดปกติหรือไม่
- การตรวจไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นการตรวจเพื่อดูภาวะการทำงานของต่อมไทรอยด์ว่ามีมากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ ซึ่งแพทย์มักตรวจเมื่อมีผลการตรวจเบื้องต้นต่าง ๆ ออกมาแล้วไม่พบความผิดปกติ
- การตรวจฮอร์โมนโปรแลคติน เป็นการตรวจเพื่อดูระดับฮอร์โมนว่าสูงมากน้อยเพียงใด หากพบว่าอยู่ในระดับสูง อาจบ่งบอกว่ามีเนื้องอกในสมอง ซึ่งแพทย์มักจะตรวจเมื่อผลการตรวจเบื้องต้นอื่น ๆ ตามที่กล่าวมาแล้วไม่พบความผิดปกติ
- การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอที่สมองเป็นการตรวจเฉพาะในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยมีเนื้องอกในสมอง
- การตรวจฮอร์โมน FSH และฮอร์โมน LH เพื่อดูว่าเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนแล้วหรือยัง
- การตรวจหาโครโมโซม (Chromosome study) เป็นการตรวจที่มักทำให้รายที่มีการขาดประจำเดือนแบบไม่เคยมีประจำเดือนเพื่อดูว่า มีโครโมโซมผิดปกติเป็นชนิด
การป้องกันและการรักษาประจำเดือนขาด
การป้องกันประจำเดือนขาด
- ควบคุมอาหารเพื่อคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อที่จะให้มีสุขภาพดี จะช่วยให้ระดับฮอร์โมนสมดุลและคืนค่ารอบประจำเดือน
- หลีกเลี่ยงความเครียด ปรับพฤติกรรมการทำงาน การออกกำลังกาย และการพักผ่อนอย่างเหมาะสม
- เน้นการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และใช้สารเสพติด
- การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายเพื่อช่วยในการเริ่มต้นรอบเดือนใหม่ก่อนออกกำลังกายควรเข้ารับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการออกกำลังกายในลักษณะที่ช่วยรักษาสุขภาพและรอบประจำเดือน
การรักษาประจำเดือนขาดทางการแพทย์
- ยาคุมกำเนิด หรือยาชนิดอื่น ๆ ของยาฮอร์โมนยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจช่วยให้สามารถเริ่มต้นรอบเดือนใหม่ได้
- ยาที่จะช่วยบรรเทาอาการของPCOS การรักษาด้วย clomiphene citrate (CC) มักถูกกำหนดเพื่อช่วยในการตกไข่
- การรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน(ERT) หน่วยแพทย์ฉุกเฉินอาจช่วยปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนและรีสตาร์ทรอบประจำเดือนในสตรีของวัยหมดประจำเดือน
โดยทั่วไป ยารักษาโรคประจำเดือนขาดจะมีความปลอดภัยแต่อาจมีผลข้างเคียงซึ่งบางอย่างอาจร้ายแรง ควรศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความเสี่ยงเมื่อใช้ยากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
ประจำเดือนขาดควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
เมื่อคุณได้ดูแลตนเองเป็นอย่างดีแล้ว แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มา หรือเมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์/สูตินรีแพทย์ทันที
- ประจำเดือนไม่เคยมาเมื่อเลยอายุ 15 ปีไปแล้ว
- ประจำเดือนขาด ซึ่งตรวจเบื้องต้นไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์
- ประจำเดือนขาด ร่วมกับโรคอ้วนหรือผอมมาก
- ประจำเดือนขาด ร่วมกับมีอาการขี้ร้อน ผิวหนังชื้น
- ประจำเดือนขาด ร่วมกับมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น
- ประจำเดือนขาด ร่วมกับมีน้ำนมไหล
- มีประจำเดือนขาด ร่วมกับมีขน หรือหนวดขึ้นมากกว่าผิดปกติ
- มีประจำเดือนขาด ร่วมกับปวดศีรษะ ตาพร่ามัว
การมีประจำเดือน เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้หญิง แต่ถ้าหากเดือนไหนที่ประจำเดือนขาดหาย หรือมาไม่ตรงเวลา ปัญหาเหล่านี้ ล้วนทำให้เกิดความกังวลสำหรับผู้หญิงอย่างเรา ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาเหล่านี้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ ควรมีการจดบันทึกการมาของรอบเดือนในทุกๆเดือน เพื่อเป็นการเตือนความจำเมื่อประจำเดือนมาไม่ปกติ ควรตรวจเช็คความผิดปกติของรอบเดือนเมื่อประจำเดือนขาดหายหรือประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด แต่ถ้ามีอาการผิดปกติร่วมกับประจำเดือนขาดหาย Mama Expert แนะนำให้ไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์ใกล้บ้านเพื่อหาสาเหตุและทำการตรวจอย่างละเอียดต่อไปค่ะ
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. 5 วิธีบรรเทาอาการปวดประจำเดือน
2. ช็อกโกแลตซีสต์ โรคฮิตของวัยมีประจำเดือน
3. เป็นประจำเดือน ดื่มน้ำมะพร้าวได้หรือไม่?
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
อ้างอิง :
- บทความสุขภาพ.โรงพยาบาลสินแพทย์. “เมื่อประจำเดือน ไม่มาประจำเดือน”.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/VUgEsT .[ค้นคว้าเมื่อ 2 ตุลาคม 2560]
- Emedicinehealth. Medical Author: Lawrence M Nelson, MD, MBA. “Amenorrhea”.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/qJtdTQ .[ค้นคว้าเมื่อ 2 ตุลาคม 2560]
- Wikipedia.“ Amenorrhea”.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/CGWdRv.[ค้นคว้าเมื่อ 2 ตุลาคม 2560]
- US Department of Health and Human Services; National Institutes of Health. “What causes amenorrhea?”.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/JGVLYR.[ค้นคว้าเมื่อ 2 ตุลาคม 2560]