วิธีเช็คโรคมะเร็งร้ายแรง ที่คุณสามารถสังเกตได้

18 January 2017
17716 view

โรคมะเร็ง

คุณ อรพินท์ ก้องตระกูลชน อดีตนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารบริษัท เบทเทอร์ไลฟ์ อินเตอร์เนชันกรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โปรตีนเสริมวิตามินแร่ธาตุสำหรับผู้ป่วยมะเร็งแบรนด์โซโน่ (ZONO) ให้ข้อมูลว่า พฤติกรรมของคนทั่วไปไม่อยากพบแพทย์ หากไม่มีอาการป่วยรุนแรงจริงๆ ซึ่งในผู้ป่วยมะเร็งเองก็เช่นกัน ส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์เมื่อตรวจพบเจอก้อนมะเร็งที่ลุกลามไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้ว ทำให้ยากต่อการรักษาให้หายขาด แพทย์จึงแนะนำให้ตรวจสุขภาพทุกปีเพื่อค้นหาความผิดปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่อาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งต่างๆ และหมั่นสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคมะเร็งได้ด้วยตัวเอง เพราะในฐานะเจ้าของร่างกาย ย่อมต้องรู้ถึงความผิดปกติและสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปก่อนผู้อื่น เช่น คลำพบก้อนเนื้อ น้ำหนักตัวลด หรือเพิ่มผิดสังเกต มีเลือดออกที่อวัยวะต่างๆ การขับถ่ายเปลี่ยนไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกการก่อตัวของโรคมะเร็งได้


วิธีสังเกตความผิดปกติของร่างกายจากอาการต่อไปนี้

1.มะเร็งเต้านม

จะพบก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ เต้านมมีขนาดและรูปทรงเปลี่ยนไป หัวนมบุ๋มหรือหัวนมบอด (จากเดิมที่ปกติ) ผิวหนังที่เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม ผิวหนังที่เต้านมมีผื่น แดง ร้อน และขรุขระคล้ายผิวส้ม มีของเหลวคล้ายน้ำเหลืองหรือน้ำ เลือดไหลออกจากหัวนม

2.มะเร็งปากมดลูก

ในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการแสดงชัดเจนแต่ สามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ตรวจแปปสเมียร์) เมื่อเริ่มเป็นมากขึ้นจะพบว่ามีอาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เช่น ประจำเดือนมานานผิดปกติ มีเลือดออกแบบกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน เลือดออกในขณะหรือหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน ตกขาวมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปนออกมา

3.มะเร็งรังไข่

ถือเป็น "มะเร็งเงียบ" ชนิดหนึ่ง เพราะเป็นมะเร็งที่ตรวจพบยาก เนื่องจากในระยะแรกมีอาการคล้ายกับโรคทางเดินอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง ท้องผูก ทำให้ผู้ป่วยมักไปพบแพทย์เพื่อตรวจระบบทางเดินอาหารแทนการตรวจหามะเร็ง หากมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม ผู้ป่วยมักคลำเจอก้อนเนื้อแถวท้องน้อย ปวดท้องน้อย ท้องโตขึ้นรวดเร็ว มีพุงห้อยย้อยระดับต่ำกว่าปกติ และมีประจำเดือนผิดปกติ

4.มะเร็งตับ

มีอาการปวดบริเวณชายโครงด้านขวา และอาจปวดร้าวไปที่หลัง และ/หรือไหล่ขวารวมถึงบริเวณลำตัวซีกขวาทั้งหมด ผู้ป่วยมีอาการตัวเหลือง ตาขาวเป็นสีเหลือง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีอาการท้องมาน ตับโตขึ้นจนช่วงท้องเปลี่ยนรูปร่างไป

5.มะเร็งปอด

มีปัญหาเรื่องการหายใจ เช่น หายใจมีเสียงหวีดๆ หรือหายใจสั้นถี่ๆ หอบ เหนื่อยง่าย และเหนื่อยเป็นประจำ หายใจไม่ทั่วท้อง เจ็บหน้าอก ไอบ่อย ไอเป็นเลือดออก เสียงแหบ และน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว


6.มะเร็งกระเพาะอาหาร

ในระยะแรกผู้ป่วยมีอาการท้องอืดหลังรับประทานอาหาร รู้สึกเหมือนอาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อโรคลุกลามขึ้นจะเจ็บช่องท้องบริเวณส่วนบนและตรงกลาง คลื่นไส้เป็นประจำ โดยอาเจียนมีเลือดปนมาด้วย และอาจะพบเลือดในอุจจาระหรืออุจจาระเป็นสีดำ

7.มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

ผู้ป่วยมักมีอาการคล้ายกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะติดขัด และปวดแสบหลังปั สสาวะ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ปัสสาวะเป็นเลือดโดยไม่มีอาการเจ็บปวด หรือมีเพียงหยดเลือดออกมาหลังจากปัสสาวะสุดแล้ว หากมะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงจะอาจทำให้ท่อไตอุดตัน ไตวาย ปวดหลังบริเวณล่าง

8.มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมการขับถ่ายที่เปลี่ยนไป เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ก้อนอุจจาระมีขนาดเล็กลง เพราะรูของลำไส้ใหญ่แคบลงจากก้อนมะเร็งเบียดบัง และอุจจาระเป็นมูก สำหรับมะเร็งลำไส้ตรงหรื อทวารหนัก มักมีเลือดปนมากับอุจจาระ รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่สุด และปวดทวารหนักอย่างรุนแรง

9.มะเร็งต่อมลูกหมาก

อาการที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ ปัสสาวะติดขัดและมีอาการปวด ปัสสาวะอ่อนไม่พุ่งแรง กลั้นปัสสาวะไม่ได้ มีเลือดปนในปัสสาวะหรือน้ำอสุจิ อวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวยาก เมื่อถึงจุดสุดยอดระหว่างร่วมเพศจะมีอาการเจ็บตอนหลั่งน้ำอสุจิ

10.มะเร็งเม็ดเลือดขาว

รู้จักในชื่อลูคิวเมีย (Leukemia) มักพบในคนไข้อายุน้อย แต่ก็พบได้ในทุกวัย ผู้ป่วยมีปริมาณเม็ดเลือดต่ำ และมีเลือดออกง่าย เช่น เลือดออกตามไรฟัน ประจำเดือนมามากผิดปกติ นอกจากนี้ยังฟกช้ำดำเขียวง่าย เนื้อตัวเป็นจ้ำๆ สภาวะเลือดจาง ตัวซีด ร่างกายอ่อนแอเหนื่อยง่าย

11.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ผู้ป่วยพบก้อนที่บริเวณต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ อาจยังไม่มีอาการเจ็บในช่วงแรกมีแค่มีขนาดโตผิดปกติ เมื่อคลำเจอจะเป็นก้อนแข็งหยุ่นๆ หากใช้มือกดที่ก้อนอาจรู้สึกเจ็บ มักพบต่อมทอนซิลโตขึ้น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร มีไข้เป็นระยะ มีเหงื่อออกมากเวลากลางคืน

12.มะเร็งสมอง

อาการพบบ่อยคือปวดศีรษะร่วมกับคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรงจนไม่สามารถนอนหลับได้ มีปัญญาด้านมองเห็น เช่น ตาพร่า เห็นแสงเป็นจุดๆ ลอยไปมา มีอาการชาที่แขน ขา ปลายนิ้ว มีทักษะในการรับรู้ การพูดสื่อสารไม่เหมือนเดิม สูญเสียการทรงตัว รู้สึกชาที่ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง และมีปัญหาในการควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า

บทความแนะนำเพิ่มเติม

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1484727461