ลูกซีด ภาวะลูกซีด สังเกตอย่างไร พ่อแม่มือใหม่ควรรู้

28 March 2018
9966 view

ลูกซีด

ภาวะซีดเป็นอาการที่พบได้ในวัยเด็ก แสดงถึงความผิดปกติของร่างกายที่ผิวหนังหรือเยื่อเมือกในร่างกายมีสีซีดลง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย หรืออาจเกิดเพียงบริเวณเดียว และมักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า เยื่อบุในปาก ลิ้น และดวงตา เมื่อร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงลดลงหรือมีความเข้มข้นของ “ฮีโมโกลบิน” ลดลง ส่งผลทำให้สุขภาพของลูกไม่แข็งแรง รวมถึงมีพัฒนาการทางด้านต่างๆล่าช้าอีกด้วย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องศึกษาเรื่องภาวะลูกซีดนี้ด้วย เพื่อเป็นแนวทางป้องกันและรักษา ดังนี้..

ลูกซีด แม่จะรู้ได้อย่างไร?

การดูว่าลูกซีดหรือไม่ คุณแม่สามารถดูได้จากการสังเกตว่าลูกมีอาการเหนื่อยหอบ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ หายใจเร็ว ผิวหนังซีดหรือเหลือง ผิดปกติไปจากสีผิวเดิม อาจสังเกตที่ริมฝีปากหรือด้านในของขอบตาล่าง การดูที่ผิวหนัง เช่น บริเวณหน้า อาจบอกได้ยากถ้าเด็กมีผิวขาว หากต้องการทราบแน่นอนต้องเจาะเลือดตรวจดูสีและจำนวนของเม็ดเลือดแดงค่ะ หากพบว่าลูกมีอาการดังกล่าว พ่อแม่ไม่ควรชะล่าใจและปล่อยไว้ เพราะอาการดังกล่าวหากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการของลูกตามมาได้อีกมากมาย

ลูกซีด มีสาเหตุเกิดจากอะไร

ปัญหาโรคซีดเกิดได้หลายสาเหตุ โดยอาจเกิดจากการที่ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ขาดธาตุเหล็ก โปรตีน กรดโฟลิค และวิตามินบี12 ที่เป็นสารสำคัญในการสร้างเลือด การขาดสารดังกล่าวจะทำให้เด็กซีดได้ และการคลอดก่อนกำหนด การมีพยาธิ หรือมีภาวะทางพันธุกรรมบางอย่าง ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเกิดโรคซีด ส่วนใหญ่โรคซีดจะเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “โรคโลหิตจาง”

ลูกซีด จะต้องรักษาหรือไม่

หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกเป็นโรคซีดหรือมีอาการเสี่ยงต่อโรคซีด คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรชะล่าใจ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษา เพราะอาการของโรคซีด หากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการของลูกอีกมากมาย เช่น อาจส่งผลให้สมองทำงานได้ช้าลง เนื่องจากได้รับออกซิเจนจากเม็ดเลือดแดงน้อยลง ส่งผลให้รู้สึกไม่กระฉับกระเฉง เฉื่อยชา อาจส่งผลให้ลูกเรียนรู้ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน เนื่องจากภาวะซีดทำให้ลูกเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อยลง ทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร ส่งผลไปถึงสุขภาพ ทำให้สุขภาพของลูกไม่แข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่าย และยังทำให้ลูกมีการเจริญเติบโตช้าอีกด้วย

ลูกซีด เลี้ยงดูอย่างไร

การดูแลเมื่อลูกมีภาวะซีด คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ คือ ปฏิบัติตามคำแนะนำขอแพทย์ ให้ลูกกินยาถูกต้องตามแพทย์สั่ง ดูแลในเรื่องสุขอนามัยของลูกเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ ควรให้ลูกกินอาหารมีประโยชน์ครบ 5 หมู่ให้ครบในทุกวัน เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน เพื่อให้ร่างกายลูกแข็งแรง ที่สำคัญคือ ควรพาลูกมาพบแพทย์ตามนัดเสมอ และรีบพบก่อนนัด เมื่ออาการต่างๆ แย่ลงหรือมีอาการผิดปกติไปจากเดิม

ภาวะซีดในเด็กเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ก็สามารถป้องกันได้ง่ายๆ โดยเริ่มจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทั้ง ข้าว ไข่แดง เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ซึ่งอาหารที่มีธาตุเหล็กพบได้ในเนื้อแดง ไข่แดง เครื่องในสัตว์ ตับหมู เลือดหมู ธัญพืช ผักใบเขียว และนม ในเด็กแรกเกิดได้รับสารอาหารจากนมแม่ คุณแม่สามารถส่งเสริมได้โดยการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กได้ด้วยเช่นกัน เพียงเท่านี้ คุณแม่ก็สามารถป้องกันลูกน้อยจากภาวะตัวซีดได้แล้วค่ะ

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

1. เด็กขาดธาตุเหล็ก ภาวะอันตรายที่พ่อแม่ป้องกันได้

2. อาหารสำหรับเด็กขาดธาตุเหล็ก

3. โรคโลหิตจาง

เรียบเรียงโดย  : Mamaexpert Editorial Team

อ้างอิง

1.นพ.กรมิษฐ์ ศุภพิพัฒน์ กุมารแพทย์โลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลเวชธานี.สัญญาณ "โรคซีด"ในเด็ก.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/NRqHcd .[ค้นคว้าเมื่อ 28 มีนาคม 2561]

2.สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน.อาการของโรคที่พบในวัยเด็ก.เข้าถึงได้จาก https://goo.gl/rG4H8R.[ค้นคว้าเมื่อ 28 มีนาคม 2561]

3. Paolo hospital. ภาวะซีดหรือโลหิตจางในเด็ก ป้องกันได้ด้วยพ่อแม่.เข้าถึงได้จาก https://www.paolohospital.com/chockchai4/healtharticle/anemia-children/.[ค้นคว้าเมื่อ 28 มีนาคม 2561]

4. Neonatal Anemia เข้าถึงได้จาก https://www.ucsfbenioffchildrens.org/pdf/manuals/37_Anemia.pdf .[ค้นคว้าเมื่อ 28 มีนาคม 2561]