คุณแม่ทุกคนต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า นมแม่ เป็นนมที่ดีที่สุดในโลก เพราะนมแม่เปี่ยมด้วยสารอาหารกว่า200ชนิด นมแม่มีโปรตีนที่ดี ย่อยง่าย มีไขมันย่อยง่าย มีวิตามิน แร่ธาตุ อีกทั้งยังมีสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกัน และสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย ยากที่นมชนิดอื่นๆจะเลียนแบบได้ แต่คุณแม่หลายๆ คนมีความกังวลใจว่า การให้ลูกน้อยดื่มนมแม่อย่างเดียวนานถึง 6 เดือนนั้น ลูกจะได้สารอาหารครบถ้วนหรือไม่ น้ำหนักลูกจะลดไหม? ลูกจะตัวโตเท่าเด็กคนอื่นๆ หรือไม่? วันนี้ Mamaexpert ชวนคุณแม่มือใหม่ ทำความรู้จักกับสารอาหารในน้ำนมแม่ เพื่อพิสูจน์ว่าแท้จริงแล้ว นมแม่ แน่ที่สุดเป็นเรื่องจริง
สารอาหารหลักในนมแม่
น้ำนมแม่มี 3 ระยะ สารอาหารจึงปรับเปลี่ยนไปตามระยะของน้ำนม คุณแม่อย่าได้กังวลใจ เพราะในแต่ละระยะของน้ำนมแม่ มีสารอาหารที่ลูกต้องการตามช่วงวัยที่ครบถ้วนสมบูณ์ โดยสารอาหารหลัก ๆ ในน้ำนมแม่แต่ละระยะมีดังนี้
1.ระยะโคลอสตรุ้ม (colostrums) จะเกิดขึ้นใน72 ชั่วโมงแรกหลังทารกคลอด โคลอสตรุ้มเต็มเปี่ยม ด้วยสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เช่น IgA แลคโตเฟอริน เซลล์เม็ดเลือดขาว โปรตีนต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย น้ำนมในระยะนี้จะมีปริมาณน้ำตาลแลคโตสไม่สูงมากนัก มีปริมาณแร่ธาตุต่างๆ เช่น โซเดียม คลอไรด์ แมกนีเซียม ปริมาณสูง แต่มีปริมาณโพแทสเซียม และแคลเซียมต่ำกว่านมที่ผลิตระยะหลัง น้ำนมระยะนี้จึงเปรียบเสมือน "วัคซีน" ที่เน้นสร้างความแข็งแรงมากกว่าการเจริญเติบโตให้กับทารก
2.ระยะน้ำนมปรับเปลี่ยน (Transitional milk ) ระยะเปลี่ยนหัวน้ำนมเป็นน้ำนมแม่ เกิดในช่วงวันที่ 4 ถึง 2 สัปดาห์แรกหลังคลอด มีสารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายทารกต้องการ
3.ระยะนมแม่ ( Mature milk ) ระยะนี้น้ำนมแม่จะมีสีขาว ประกอบด้วยธาตุอาหารหลัก ซึ่งได้แก่ โปรตีน ไขมัน น้ำตาลแลคโตส ปริมาณและคุณภาพน้ำนมแม่ แตกต่างกันออกไปตามสารอาหาร ที่คุณแม่ได้รับด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในนมแม่จะมีพรีไบโอติกส์ ซึ่ง เมื่อเข้าสู่ร่างกายทารก จะเป็นอาหารของจุลินทรีย์ชนิดที่ดี ช่วยทำให้จุลินทรีย์ที่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นการสร้างสมดุลในลำไส้ ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก
อยากให้ลูกกินนมแม่ได้สำเร็จ เพราะนมแม่แน่ที่สุด
ความสำเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นมีทั้งปัจจัยด้านแม่และด้านลูกปะปนกัน หากคุณแม่มีหัวใจ ที่เข้มเเข็ง เตรียมความพร้อมตั้งใจจริงแล้วนั้น คุณแม่สามารถให้นมลูกได้ดังใจหวังได้ไม่ยากค่ะ
ใช้เทคนิค 4 ดูดตั้งแต่วันแรก ได้แก่
- ดูดเร็ว ควรให้ลูกดูดนมแม่เร็วที่สุดหลังคลอดหากสามารถทำได้ ควรดูดภายใน 2 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
- ดูดบ่อย เนื่องจากนมแม่อาจจะยังไม่มาในทันที คุณแม่ควรให้ลูกดูดกระตุ้นอย่างน้อย ข้างละ 5 นาที ทุก1-2ชั่วโมง
- ดูดถูกวิธี การดูดบ่อยๆแต่อมไม่มิด “ลานนม” ก็ไม่มีประโยชน์ การดูดที่ถูกต้อง ต้องไม่มีเสียง ปากลูกอมมิดลานนม ปากแบะออกเหมือนปากปลา
- ดูดเกลี้ยงเต้า ในวันที่นมแม่มาแล้ว ควรให้ลูกดูดเกลี้ยงเต้า เพื่อให้ได้รับน้ำนมครบส่วน
หากคุณแม่ทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นมแพะ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก นั่นเพราะ นมแพะ
- มีระบบการให้น้ำนมแบบ อะโพไครน์ (Apocrine Secretion)ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง ที่เรียกว่า ไบโอแอคทีฟ คอมโพแนนท์ (Bioactive Components) ประกอบด้วย นิวคลีโอไทด์ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทอรีน ช่วยให้การทำงานของสมองและจอประสาทตาดีขึ้นโพลีเอมีนส์ ส่งเสริมระบบทางเดินอาหาร ให้สมบูรณ์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโกรทแฟคเตอร์ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตโปรตีนในนมแพะเป็น โปรตีนนุ่ม ย่อยและดูดซึมง่าย โปรตีนในนมแพะ หรือโปรตีนCPP (Casein Phosphopeptides) ซึ่งเป็นโปรตีนCPP ที่ย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ และช่วยในการดูดซึมแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม เหล็ก สังกะสี และแมกนีเซียม เข้าสู่ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- มีไขมันที่ย่อยง่าย ไขมันในนมแพะ เรียกว่า MCT OIL ซึ่งเป็นไขมันห่วงโซปานกลาง ที่ย่อยง่าย ทำให้เด็กมีน้ำหนักตัวที่ดี นอกจากนี้ในนมแพะยังมีโอเมก้า3,6,9 ช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง และพัฒนาการทางด้านร่างกายให้กับเด็กอีกด้วย
- ลดความเสี่ยงเรื่องอาการท้องผูกมีพรีไบโอติก ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้ ช่วยให้อุจจาระนุ่ม ลดปัญหาท้องผูก กระตุ้นการดูดซึมแคลเซียม, แมกนีเซียมและธาตุเหล็ก และช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายอีกด้วย
ไม่ว่าจะอย่างไร นมแม่ยังคงเป็นนมที่ดีที่สุดสำหรับทารก Mamaexpert ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้คุณแม่คนไทย หันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และมีพัฒนาการที่ดีสมวัย สู้ ๆ ทุกบ้านค่ะ
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team