วันที่ 27 ก.พ. นายสุชัย บุตรสาระ รอง ผวจ.อุดรธานี พร้อมด้วยนายภูมิพัฒน์ ธนาสิทธิตานนท์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อุดรธานี และน.ส.แววตา ตันเทิดทิพย์ นักวิชาการจัดระเบียบสังคมอุดรธานี เดินทางไปเยี่ยมดูอาการของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ ที่ถูกส่งตัวมาจาก ร.พ.ชุมชน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ให้มารักษาตัวที่อาคาร ไอซียู ชั้น 7 เด็ก โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โดยมี นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รอง ผอ.ฝ่ายแพทย์, น.พ.ญเกามพร ไชยเอีย หัวหน้ากลุ่มงานกุมารเวชกรรม ร.พ.ศูนย์อุดรธานี คอยให้การต้อนรับและนำไปเยี่ยม ด.ช.เอ ซึ่งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ที่ศีรษะมีผ้าก๊อซปิดทับ และพันตามตัวหลายแห่ง
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ด.ช.เอ อยู่ในขั้นโคม่า ที่ผู้ป่วยหายใจอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งจากการตรวจด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ พบว่าสมองบวมมาก กะโหลกร้าว มีเลือดออกในสมอง แขนหักทั้งสองข้าง ตับแตก ไตแตก กระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่ ก้านสมองเคลื่อน มีเลือดไหลในสมอง ช่องท้อง หู จมูก ม่านตาเปิดกว้างสมองตาย คาดว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ จากการที่เจ้าหน้าที่พยาบาลสอบประวัติสาเหตุการบาดเจ็บของผู้ป่วย จากผู้ปกครอง ราษฎรที่อ.กุมภวาปี แจ้งว่า ด.ช.เอ เกิดอุบัติเหตุจากการขี่รถจักรยานล้ม ลำตัวฟาดกับโอ่งน้ำ นอกจากนี้แล้วเจ้าหน้าที่พยาบาลได้รายงานอีกว่าการให้ประวัติการป่วยของผู้ปกครองไม่ตรงกันและสับสนมาก
ขณะที่นายสุชัย ได้ทำการสอบถามแนวทางการช่วยเหลือแก่ผู้ป่วย ก็ได้รับการชี้แจงจาก นพ.ณรงค์ และพญ.เกษมพร ว่าจากการตรวจอาการและสันนิษฐานแล้ว ด.ช.เอ ไม่น่าจะเกิดอุบัติเหตุเอง แต่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง จนเด็กได้รับบาดเจ็บสาหัสมากถึงขนาดนี้
หลังจากที่นายสุชัย และคณะใช้เวลาเยี่ยมดูอาการของ ด.ช.เอ อยู่ประมาณ 30 นาที ได้ให้สัมภาษณ์ว่าอาการของ ด.ช.เอ แพทย์ได้รายงานว่าหนักมาก อยู่ในขั้นโคม่า ขณะนี้พ่อ-แม่ ของเด็กอยู่ระหว่างการสอบปากคำของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และตัวของพ่อ-แม่ของเด็ก ก็ให้การสับสนขัดแย้งกัน ทางสหวิชาชีพได้ร่วมสอบปากคำ และขอความเห็นของนายแพทย์ดังกล่าว โดยทางแพทย์และสหวิชาชีพ เห็นว่า ด.ช.เอ น่าจะถูกทำร้ายร่างกาย จากคนใกล้ชิดในครอบครัว ซึ่งไม่ตรงกับคำให้การของพ่อและแม่ ซึ่งในส่วนของฝ่ายปกครองที่มีพัฒนาสังคม, สหวิชาชีพ และสาธารณสุขจังหวัด ได้เกาะติดกรณีดังกล่าว เพื่อให้การช่วยเหลือแล้วโดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เนื่องจากปัจจุบันนี้มีความรุนแรงอันเนื่องมาจากสาเหตุหลักคือยาเสพติด
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_235454