ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายปรีชา อายุ 40 ปี ตามหมายจับของศาล จังหวัดอุดรธานี ข้อหาฆ่าผู้อื่น ซ่อนเร้น หรือทำลายศพ เพื่อปิดปังการเกิดการตายหรือสาเหตุการตาย
สืบเนื่องจาก เมื่อเช้าวันที่ 27 มี.ค. สภ.เมืองอุดรธานี ออกไปตรวจสอบ เหตุฆ่าเผาศพหญิงนิรนาม ที่บ่อขยะบ้านดอนภู่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าผู้ตายคือ น.ส.สุชาดา อายุ 23 ปี ที่ญาติแจ้งหายตัวไปเมื่อวันที่ 25 ก.พ.
ส่วนฆาตรกรคือ นายปรีชา อายุ 40 ปี สามีผู้ตาย หลังก่อเหตุได้หายตัวไปพร้อมลูกสาว 7 ขวบ และ 6 ขวบ ซึ่งตำรวจติดตามไปจนพบว่า นายปรีชา ได้นำลูกและสามล้อเครื่องมาฝากญาติไว้ที่ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด ก่อนหลบหนีไป ซึ่งประเด็นการสังหารมาจากความหึงหวง เกรงว่าภรรยาจะปันใจให้ชายอื่น
จากการสอบสวน นายปรีชา ให้การรับสารภาพ ได้ลงมือฆ่า น.ส.สุชาดา ภรรยาจริง เพราะเกิดอารมณ์หึงหวง และอารมณ์ชั่ววูบ ทำให้พลาดพลั้งฆ่าภรรยาตาย โดยนายปรีชา มีอาชีพเป็นช่างก่อสร้าง และขับรถสามล้อรับจ้าง ได้แต่งงานอยู่กินกับผู้ตายมา 7 ปี มีลูก 2 คน เป็นคนที่รักภรรยาและลูกมาก
ก่อนเกิดเหตุ ภรรยาได้ไปทำงานเป็นแม่ค้าขายน้ำในโรงเรียน ตอนเย็นไปทำงานเป็นพนักงานขายรองเท้าแฟชั่นที่ตลาด เขตเทศบาลนครอุดรธานี แต่มาระยะหลังทราบว่ามีชายหนุ่มมาติดพัน ผ่านทางเฟซบุ๊ก ต่อมาผู้ตายได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เมื่อกลับมาก็พบภาพถ่ายกับชายหนุ่มในเฟซบุ๊ก แต่ก็ให้อภัยผู้ตาย ขอให้เริ่มต้นใหม่ ด้วยการซื้อสร้อยทองหนัก 2 สลึง ให้ผู้ตาย
ก่อนเกิดเหตุ นายปรีชา ได้ตรวจพบรูปผู้ตายถ่ายกับกิ๊กหนุ่มในเฟซบุ๊กในลักษณะคลอเคลียกันอีก ทำให้รู้สึกโกรธ คืนวันที่ 25 มี.ค. ขณะนอนอยู่ในห้องกับผู้ตายและลูก นายปรีชาได้ต่อว่าผู้ตายที่กลับไปคบกับกิ๊กหนุ่มอีก และถามหาสร้อยคอทองคำที่ซื้อให้ แต่ผู้ตายบอกได้ต่อว่าสามีเป็นคนเรื่องมาก จึงทำให้ทะเลาะมีปากเสียงกัน
ด้วยความโมโหสามีได้คว้าท่อนไม้มาฟาดศีรษะผู้ตาย 2 ครั้ง จนผู้ตายล้มลงนอนแน่นิ่ง เมื่อสามีเข้าไปดูก็พบว่าภรรยาชีวิตแล้ว ทำให้สามีก็ได้แต่นั่งร้องไห้ เสียใจ และกอดศพภรรยา พอตั้งสติได้ก็ได้เอาผ้าปูที่นอนห่อศพภรรยา อุ้มไปใส่สามล้อเครื่อง ขับไปเรื่อยๆ จนถึงบ่อขยะบ้านดอนภู่ จึงนำศพลงมาวางไว้ที่พื้น แล้วไปดูดเอาน้ำมันเบนซินในสามล้อเครื่องมาราดแล้วจุดไฟเผา
เมื่อเผาภรรยาแล้ว ก็ได้ขับรถสามล้อเครื่องกลับมาบ้าน พอตอนเช้าได้พาลูก 2 คน นั่งรถทัวร์โดยสารไปบ้านญาติที่ จ. ร้อยเอ็ด ก่อนที่สามีย้อนกลับมาเอาเสื้อผ้าของตัวเองและเสื้อผ้าลูก ใส่สามล้อเครื่องขับไป จ.ร้อยเอ็ด อีกครั้ง ซึ่งนายปรีชาได้บอกญาติว่า ฝากเลี้ยงลูก ตนเองจะไปหาทำงาน จ.ชลบุรี
จากนั้นนานปรีชา ก็นั่งรถโดยสารไปหานายจ้างเก่าแต่ไม่พบ จึงย้อนกลับมาหางานทำที่ จ.สระบุรี แต่ไม่มีงานให้ตนทำ จึงได้เดินเท้ากลับมาที่ จ.นครราชสีมา โดยพักนอนตามศาลาข้างทางและวัด จนมาถูกจับกุมเอาไว้ได้ดังกล่าว
นายปรีชา ให้การรับสารภาพว่า ในขณะที่ตนเองหลบหนี ตนจะได้ยินเสียงแว่วก้องในหู เป็นเสียงภรรยาว่า “อยากกลับบ้าน” ทุกคืน ทำให้ตนสำนึกผิด และคิดถึงลูกมาก จึงคิดจะมอบตัวกับตำรวจ และนำเงินสด 4,000 บาท กับแหวนทอง สร้อยทองที่มีอยู่มามอบให้ลูก ซึ่งถ้าภรรยาไม่เสียชีวิต ตนอยากบอกภรรยาว่า รักเมียมากจะรักตลอดไป ตนจึงได้เดินเท้ามุ่งหน้ากลับบ้าน แล้วมาถูกตำรวจจับในที่สุด
โดยขณะแถลงข่าว นายพรสวรรค์ อายุ 35 ปี พี่ชาย น.ส.สุชาดา อายุ 23 ปี ผู้ตาย และญาติได้มายืนดูในการแถลงข่าว ได้บอกกับนายปรีชาว่า รู้ทุกสิ่งทุกอย่างว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และให้อภัยนายปรีชา เพราะความดีนายปรีชามีมาก ให้ก้มหน้ารับกรรมกับตนเองที่ก่อ โดยจะเลี้ยงลูกของนายปรีชารอ ถ้านายปรีชาพ้นโทษออกมา ก็จะได้
อยู่กับลูกอีขอบคุณข่าว : sanook.com