เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ว่าที่คุณแม่จะต้องหมั่นตรวจเช็คสภาพร่างกายของตัวเอง และลูกน้อย ถ้าหากเกิดความผิดปกติอะไรจะต้องรีบแก้ไขอย่างทันที่ ล่าสุด เรื่องราวที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่ยังสาวรายหนึ่ง ที่ทุกครั้งทางแพทย์จะต้องทำการอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูสภาพของการตั้งครรภ์ของคุณแม่รายนี้ แต่ในครั้งล่าสุด คุณหมอ ได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง นั่นคือ ทารกน้อยในครรภ์นั้น มีการเป่าฟองอากาศออกมาปาก
ซึ่งมองมองเผินๆ นั้น อาจดูแล้วไม่น่ามีอะไร แต่คุณหมอกลับแจ้งให้คุณแม่ยุติการตั้งเมื่อได้ฟังทำให้คุณแม่ร้อนใจเป็นอย่างมาก โดยหวังว่าการผิดปกตินั้น จะเป็นความผิดปกติจากตัวแม่เอง โดยไม่เกี่ยวกับลูกน้อยในครรภ์แต่อย่างใด
ภายหลังจากการตรวจเพิ่มเติม แพทย์จึงพบว่า ทารกน้อย กำลังเผชิญภาวะ เนื้องอกประเภทหนึ่งโดยในกรณีนี้ ที่เกิดขึ้น เป็นลักษณะที่หาได้ยาก และมันพร้อมที่จะพัฒนาไปสุ่สภาพที่เลวร้ายกว่าเดิม โดยปกติแล้วโอกาสที่จะเกิดเนื้องอกในลักษณะนี้ มีเพียง 1ใน100,000 คน เท่านั้น …
เบี้องต้นคุณหมอแนะนำคุณแม่ว่าให้ยุติการตั้งครรภ์ในครั้งนี้ซะ เพราะมันมีโอกาสที่จะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษอย่างสูง …
แต่คุณแม่ปฎิเสธที่จะเอาลูกน้อยออก และยืนยันว่าจะขอดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไป โดยมีความเชื่อว่าจะต้องมีทางออกสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และจากกยืนยันของคุณแม่ หมอจึงต้องเปลี่ยนวิธีการโดยแนะนำให้ทำการผ่าตัด Endoscopic surgery (การผ่าตัดโพรงจมูกและไซนัสด้วยกล้องเอ็นโดสโคป) คณะแพทย์สามารถตัดชิ้นเนื้อเจ้าปัญหาออกไปได้โดยการใช้เลเซอร์เป็นเครื่องมือผ่าตัด ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่เคยมีใครได้รับการผ่าตัดด้วยกรรมวิธีนี้มาก่อน แม้ว่าจะเสี่ยง แต่สัญชาตญาณความเป็นแม่ทำให้แทมมี่ตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดนั้น 2 สัปดาห์ให้หลัง ตลอดการผ่าตัดนั้น แทมมี่ไม่ได้หลับและตื่นอยู่ตลอด ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีว่า สุดท้ายแล้วการผ่าตัดประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี …
ในปัจจุบัน หนูน้อยโตเป็นสาวแล้ว และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับครอบครัวนี้ และด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของแทมมี่ผู้เป็นแม่ของเธอนั่นเอง…
ที่มา liekr