ไรโนไวรัส Rhinovirus เชื้อก่อโรคทางเดินหายใจ แม่รู้หรือยัง ???

23 January 2017
22407 view

ไรโนไวรัส



ไรโนไวรัส คืออะไร

ไรโนไวรัส (Rhinovirus) คำว่า Rhino แปลว่าจมูก ไรโนไวรัส เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก คือหวัดธรรมดา ที่พบบ่อยมากในเด็ก จะมีสาเหตุจาก rhinovirus (HRV) ที่เป็นหวัดจะเป็น HRV-A และ HRV-B เพราะไวรัสนี้จะชอบเย็น หรืออุณหภมิต่ำ จะอยู่ที่จมูก ถ้าเข้าหลอดลม แล้วอุณหภูมิสูงกว่า จะอยู่ไม่ได้ จึงมักไม่มีอาการมาก เป็นแค่หวัดธรรมดา ต่อมาตั้งแต่ปี 2006 พบไรโนไวรัสตัวใหม่ คือ HRV-C ที่ทนความร้อนได้ดี จึงลงหลอดลมได้ทำให้เกิดอาการได้มากกว่า ตั้งแต่หลอดลมอักเสบ ปอดบวม อาการจึงคล้าย RSV พบการระบาดช่วงนี้มากขึ้น HRV-C

อาการเมื่อติดเชื้อไรโนไวรัส

ผู้ป่วยจะมีอาการคันจมูกน้ำมูกไหล ไอ จามในผู้ใหญ่ แต่เชื้อเดียวกันนี้อาจทำให้เป็นปอดอักเสบติดเชื้อ คือมีไข้ ไอหอบเหนื่อย และอาจอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในเด็กเล็กๆ เป็นต้น ไวรัสบางตัวก็ทำให้เป็นหวัดคัดจมูกธรรมดา อาจมีเจ็บคอ คออักเสบ หรืออาจมีหลอดลมอักเสบ ซึ่งจะมีอาการไอมากตลอดเวลา ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบด้วย ไวรัสบางชนิดเช่นเชื้อไข้หวัดใหญ่ อินฟลูเอนซ่าไวรัสบี (Influenza virus) อาจทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เพลียลุกไม่ไหว หรืออาจมีแค่เจ็บคอมีน้ำมูกเฉยๆ ก็ได้ แม้ว่าจะเป็นโรคที่หายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัด 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่จะเป็น 2-4 ครั้ง ผู้หญิงเป็นบ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็ก สำหรับผู้สูงอายุอาจจะเป็นปีละครั้ง

การตรวจวินิจฉัยไรโนไวรัส

การติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจส่วนบนชนิดต่าง ๆ แยกได้คร่าว ๆ การส่งตรวหาไวรัสปกติที่มีราคาแพง และได้ผลแค่เป็น Rhinoenterovirus positive ซึ่งต้องแยกจาก enterovirus gr D ด้วยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก

การรักษาไรโนไวรัส

รักษาตามอาการ และความรุนแรงของโรค กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคเรื้อรัง ทั้งนี้เพราะเด็กเล็กยังดูแลตัวเองไม่ได้ หายใจไม่สะดวก หากป่วยแล้วดูแลไม่ดี ไปหาหมอไม่ทันเวลาอาจทำให้เกิดอาการปอดบวม ปอดชื้น ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ส่วนผู้สูงอายุปอดก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ เวลาเป็นหวัดจะมีอาการรุนแรงมาก ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์ถ้าไอบ่อยก็มีปัญหาต่อทารกในครรภ์และการตั้งครรภ์

สรุปแล้วไรโนไวรัส ก็คือเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคหวัด ทั้งไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา และไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ต่างๆนั่นเอง  การดูแลสุขภาพ ดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารครบ5หมู่ ในเด็กเล็กหมั่นล้างมือบ่อยๆ จะช่วยป้องกันเชื้อไรโนไวรัสได้ และการไปถ้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ที่ช่ยลดความรุนแรงของการเป้นหวัดได้เช่นกันค่ะ 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

1. 7 อาการเตือนที่บ่งบอกว่าลูกติดเชื้อท้องเสียไรโนไสรัสเข้าแล้ว

2. ผู้เชี่ยวชาฐชี้โนโรไวรัส ระบาดหนักน้ำยาฆ่าเชื้อ-แอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อไม่ได้ผล

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team